ประวัติมวยไชยา
มวยไชยาเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องบ้านเมืองมาตั้งแต่โบราณกาล มวยไชยามีที่มาจาก พ่อท่านมา แห่งวัดทุ่งจับช้าง ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎ์ธานี ซึ่งแต่เดิมก่อนพ่อท่านมาจะเข้าอุปสมบทนั้น ท่านเป็นทหารอยู่ในกรุงเทพฯ ดังนั้นมวยไชยาที่แท้จริงแล้วน่าจะเป็นมวยที่มีที่มาอันยาวไกลยากที่จะสืบสาวได้

ท่านพระยาวจีสัตยารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองไชยา ท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่ลูกๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ นายเขตร ศรียาภัย และหลังจากที่นายเขตร ศรียาภัย ได้ร่ำเรียนจากบิดาคือท่านเจ้าเมืองแล้ว นายเขตร ศรียาภัย ยังได้ร่ำเรียนจากครูมวยอื่นๆอีกรวมแล้วถึง 12 ครู ซึ่งในกาลต่อมาท่านได้ถูกขนานนามว่า “ปรมาจารย์” ซึ่งมวยไชยาตำรับของพ่อท่านมาที่สืบทอดมายังท่านปรมาจารย์เขตร ศรียาภัยนั้น ได้ถูกเกลา ถูกวิคราะห์ ต่อเติมให้เข้ากับยุคสมัยและสามารถใช้ได้ในเหตุการณ์จริง
มวยไชยาตั้งแต่ครั้งอดีตจะสอนตั้งแต่การป้องกันตัว และจะเป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป.คือ ป้อง ปัด ปิด เปิด เป็นท่าสำคัญ ท่า 4 ป.ของไชยานั้นจะป้องกันตัวได้ตั้งแต่หัวแม่เท้ายันเส้นผม เมื่อผู้ได้ฝึก 4 ป. จนมีความชำนาญแล้ว จะสามารถเข้าใจและจะรู้ตัวเองว่า ได้ยืนอยู่หน้าประตูของการใช้ลูกไม้ต่างๆ แล้ว
มวยไชยาเป็นมวยที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันตัว ดังนั้นมวยไชยาจึงเป็นหนึ่งในสายมวยที่ถูกเลือกให้เป็น กรมทนายเลือก คอยดูแลอารักขาความปลอดภัยพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ และยังเป็นหนึ่งในสายมวยที่ได้รับฉายา “หมื่นมวยมีชื่อ” เมื่อครั้งที่นายปล่อง จำนงทอง ใช้ท่าเสือลากหางอันเป็นท่าลูกไม้สำคัญเข้าทุ่มทับนักมวยจากโคราช ลงไปสลบหน้าพระที่นั่งพระพุทธเจ้าหลวง
ดังนั้นสมบัติของชาติชิ้นนี้จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์ ส่งเสริม สานต่อให้เป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นวิชาหลวง เป็นของเจ้านายชั้นสูง ไม่ใช่วิชาการต่อสู้ที่ชกกันเพื่อการเลี้ยงชีพเพียงอย่างเดียว ยังหมายถึงปกป้องแผ่นดินเกิด ตลอดจนการอารักขาเบื้องพระยุคลบาทอีกด้วย
วิชามวยไทยนั้น เป็นศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงของไทย ซึ่งมิได้มีไว้เพื่อแสดงความสวยงามทางศิลปวัฒนธรรม หรือเป็นการต่อสู้กันบนเวทีเท่านั้น แต่เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์นักรบคนสำคัญของไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องร่ำเรียนวิชามวยไทย ก่อนที่จะมาถือดาบสู้รบกับศตรูที่มารุกรานประเทศ เพราะฉะนั้นวิชามวยไทยจึงหมายถึงความปลอดภัยในชีวิต คือผู้ที่นำไปใช้จะต้องได้รับความปลอดภัย สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีคือเอกราชของประเทศไทยที่เราได้อาศัยอยู่ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมาตราบเท่าทุกวันนี้ ฉะนั้นการสืบทอดและการถ่ายทอดวิชาจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง หากมีข้อบกพร่องแม้แต่เพียงน้อยนิด ย่อมหมายถึงอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่นำไปใช้ แต่การที่จะได้มีวิชาดีไว้ปกป้องตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแลกมาด้วยความอดทน
ขอขอบคุณครูแปรง ผู้ให้ข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น